- ติดต่อ NEA
- โทร. 1169 กด 1 กด 1
- อีเมล: nea@ditp.go.th

- ติดต่อ NEA
- โทร. 1169 กด 1 กด 1
- อีเมล: nea@ditp.go.th



สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จัดงานเสวนา “NEA BizTalk Series” : ก้าวทันการค้าโลก ภายใต้ โครงการ “เจาะลึกตลาดต่างประเทศในยุคการค้าใหม่ ประจำปี 2566” เปิดเวทีเสวนา Series 3 “ฝ่าวิกฤติ พิชิตตลาดรัสเซีย” วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 13:00-16.30 น. ณ ห้องพาณิชย์สัมพันธ์ ชั้น 11 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (อาคารริมน้ำ) กระทรวงพาณิชย์ พร้อมถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live : สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่
คุณภาวินี รวยรื่น ผู้อำนวยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ได้กล่าวต้อนรับการเสวนาออนไลน์ “NEA BizTalk Series” ครั้งที่ 3 ในหัวข้อ “ฝ่าวิกฤติ พิชิตตลาดรัสเซีย” ว่า สินค้าไทยเป็นสินค้าที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็น ชิ้นส่วนยานยนต์ สินค้าเกษตร อาหาร รวมถึงเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทำให้มองเห็นโอกาสในการค้า เพราะรัสเซียเป็นตลาดขนาดใหญ่ และยังมีความชื่นชอบและเชื่อมั่นในสินค้าไทย สิ่งสำคัญคือ ผู้ประกอบการไทยต้องทราบถึงสถานการณ์การตลาดและศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ
โดยในปี 2565 การค้าระหว่างไทย-รัสเซีย มีมูลค่ารวม 1,854.94 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ รถยนต์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก ผลไม้กระป๋องแปรรูป และเครื่องจักร การส่งออกสามารถส่งออกได้หลายเส้นทาง รวมถึง International North-South Transport Corridor (INSTC) ที่เพิ่มความสะดวกในการขนส่งสินค้า และเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยในการเข้าไปขยายตลาดในรัสเซีย
คุณสุดเขต บริบูรณ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมอสโก เจาะลึกข้อมูลการเสวนาในหัวข้อ “สถานการณ์การตลาด และโอกาสของสินค้าไทย หลังวิกฤติสงครามรัสเซีย-ยูเครน” โดยสรุปว่า ในปี 2565 ภาพรวมการค้าระหว่างไทย-รัสเซียหดตัวลงเล็กน้อย แต่หากวิเคราะห์สินค้าเป็นรายการจะเห็นว่าตัวเลขการส่งออกสินค้ายังเป็นไปในเชิงบวก เช่น เม็ดพลาสติก ผลไม้ อาหารแปรรูป และข้าว หลังจากวิกฤติสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการถอนตัวด้านการค้าของชาติตะวันตกจากตลาดรัสเซีย นับเป็นโอกาสสำคัญของสินค้าไทย เนื่องจากคนรัสเซียยังมีมุมมองและภาพลักษณ์ที่ดีต่อสินค้าไทย สินค้าที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น เช่น อาหารสัตว์พรีเมียม รองเท้า เสื้อผ้ากีฬา และคอนเทนต์บันเทิง ปัจจุบันตลาด E-Commerce กำลังได้รับความสนใจ โดยแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น Wildberries, Ozon, Yandex.Market Aliexpress.re และ Citilink ประกอบกับนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมระบบการขนส่งสินค้า
ด้านภาคเอกชนนำโดย คุณพิณัฏฐ์ โชตินิธิกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.พี.โฟร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวโดยสรุปในหัวข้อ “เทคนิคการเจาะตลาดรัสเซียของผู้ส่งออกไทย”ว่า บริษัทฯ เป็นผู้ส่งออกเครื่องสำอางสมุนไพรที่พัฒนาสินค้าจนได้รับ Premium Award ในด้านสมุนไพร รัสเซียมีประชากรประมาณ 146 ล้านคน โดยเป็นประชากรผู้หญิงถึง 78 ล้านคน ให้ความสนใจและซื้อผลิตภัณฑ์ความงามถึง 1 ใน 3 ของรายได้ ชาวรัสเซียเปิดใจยอมรับสินค้าจากโซนเอเชียและมีมุมมองที่ดีต่อสินค้าไทย นอกจากนี้ภาครัฐยังให้ความสนับสนุนในการจัดแสดงสินค้าและนโยบายอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมการค้า ซึ่งผู้ประกอบการควรศึกษาข้อมูล กฎระเบียบ ความพร้อมของเอกสารการนำเข้า การพัฒนาสินค้าอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญคือควรจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในรัสเซียเพื่อให้การทำธุรกิจสามารถเติบโตอย่างยั่งยืน
พร้อมกันนี้ คุณบีไยกุมาร ปานเดย์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดต่างประเทศ Innovek Asia Co.,Ltd. ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ Cooling Tower มาตรฐานเดียวกับสหรัฐอเมริกาและเป็นเจ้าเดียวในประเทศไทย กล่าวว่า การเจาะตลาดรัสเซียควรเริ่มจากการศึกษาความต้องการของตลาด วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ และความหนาแน่นของประชากรเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนระบบการชำระเงิน วิเคราะห์ข้อมูลและพัฒนาสินค้าอยู่เสมอ พร้อมทั้งบริหารการจัดการสต็อก ตลาด E-Commerce ที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าปี 2025 จะเติบโตถึง 64.45 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะทำการค้ากับรัสเซีย และที่สำคัญควรเลือกพาร์ทเนอร์ที่ดีและมีความน่าเชื่อถือ
- Share :
